
เปิดใจ “คีรี กาญจนพาสน์” กว่าจะมาเป็นรถไฟฟ้าบีทีเอส
(ตอนที่ 3)
“……ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าที่จะบอกว่าเราทำเพื่อนู้น เพื่อนี่เท่าไร แต่อย่างไรก็ตามผมก็เดินรถอยู่ทุกวัน ผมตั้งใจว่าโครงการที่ผมทำเป็นประโยชน์กับสังคม……”
ทำไมมาพูดแต่บีทีเอส อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าคนทำงานทางการเมืองอาจจะมีความคิดที่จะเออเรอไปหรือเปล่า ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ผมว่ามันเป็นไปได้ อยากจะให้เป็นไปได้ แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่สามารถเป็นไปได้ อย่างน้อยในศักยภาพของเราใช้คำว่าอุดหนุนให้ประชาชนใช้รถไฟฟ้าอย่างเดียวด้วยเที่ยวละ ตอนนี้บีทีเอสเฉลี่ยเที่ยวละ 31 บาท 65 บาทอย่าไปพูดเลย นาทีนี้ 31 บาท ถ้า 20 บาทสนับสนุน 10 บาทก็แล้วกัน ล้านคนก็ 10 ล้านบาท ถ้าไม่ใช่โควิด-19 ก็ 2 ล้านคน
ค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่เก็บอยู่ ไม่ใช่การเดินทางที่ถูกที่สุด คนก็ใช้ขนส่งวิธีอื่น ถามว่าเอกชนทำได้ไหม อยู่ไม่ได้มากกว่า สายหนี่งก็ลงทุนตอนนี้ 7-8 หมื่นล้านบาทดอกเบี้ยค่าเสื่อม ต้นทุนไฟฟ้า พนักงาน ต่างๆ นานา ตัวเลขจริง 2 บริษัทฯ ที่ทำอยู่ ตรวจสอบได้ กำไรสุทธิต้องมีลงทุนจากบริษัทฯอื่น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การเมืองหรือรัฐบาลคิดว่าธุรกิจนี้จะเอาไปทำเองหมด ก็ไปทำเถอะครับ ผมว่าเอกชนควรจะรับได้ ถ้าราคาถูก บริหารได้ดี แต่ปัญหาละครับ
เราเคยเห็นแล้วบางองค์กรที่ทำธุรกิจพวกนี้ และออกมาเป็นอย่างไรละบริการได้เหมือนเอกชนที่ต้องการรักษาเงินต้นทุนเขาไหม และทำไมต้องเบียดเบียนเอกชนที่ผมไม่อยากจะพูดไปต่อล้อต่อเถียง ก็ให้ความจริงไปปรากฎกับผู้โดยสารจริง ๆ ที่ใช้บริการอยู่ทุกวัน ผมคิดว่าเขาขอบคุณเรานะ เพราะนโยบายของบีทีเอสคือเราต้องบริการให้ดีที่สุด อย่างเรื่องโควิด-19 การขนส่งมวลชนเบื้องต้นที่จะต้องการป้องกันโควิด-19 เพิ่มเงินให้กับรปภ. ทำความสะอาด นโยบายพวกนี้ถ้าคนใช้บีทีเอสได้รับการป้องกันโควิด-19 อย่างนี้ก็จะมาใช้มากขึ้น สบายใจขึ้น ก็เป็นการตลาดชนิดหนึ่ง เราไม่ใช่บริการเพื่อพูดซะจนสวยงาม แต่เป็นการตลาดที่คุณควรทำให้ผู้โดยสาร สบายใจ ชื่นชม เขาก็จะมาใช้ ตัวเลขจากโควิด-19 ลดไปแยะ พอสถานการณ์ดีตัวเลขก็ขึ้นมาเลย 20-30 % พอมาอีกก็ตกอีก เอกชนก็ต้องรักษาตัวเองไปก่อน
รายได้ที่เคยได้จากโควิด-19 ก็ทำให้รายได้เราลดลง
ปัญหาใหญ่เลยคือทางกทม. มีสัญญาต่างๆ สัญญาให้เราช่วยติดตั้งสิ่งต่าง ๆ นาทีนี้ภาระหนี้ตัวเลขใกล้ 40,000 ล้านบาทแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีนักการเมืองคนไหนออกมาแสดงความรับผิดชอบ เห็นใจเอกชนที่เจอปัญหานี้ ทำไมต้องเห็นใจเราด้วย เพราะเราเป็นผู้ที่เดินให้ ทำให้ ถ้าเอาเงินมาคืนเรา ก็เปิดเดินรถปกติ มีคนพูดว่าแปลงหนี้สินพวกนี้เป็นสัมปทานต่อไปอีกไหม จะได้หมดหนี้หมดสินกัน เราไม่ได้เป็นคนขอร้องนะ ขอย้ำ!!!ทาง กทม.เป็นคนเสนอมา ลองท่านเป็นเอกชนที่ทำงานโดยมีสัญญากับรัฐบาล และไม่ได้จ่ายตังคุณทุกวัน ๆ และก็เดิน ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าที่จะบอกว่าเราทำเพื่อนู้น เพื่อนี้เท่าไร แต่อย่างไรก็ตามผมก็เดินรถอยู่ทุกวัน ผมตั้งใจว่าโครงการที่ผมทำเป็นประโยชน์กับสังคม