ซิโน-ไทยฯ ปรับโครงสร้างองค์กร มุ่งสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนและมั่นคง

“…. ซิโน-ไทย ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพิ่มความหลากหลายในธุรกิจ เสริมทัพเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สร้างความแข็งเกร่ง มุ่งสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว….”

บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้าปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทฯ ซึ่งประกอบไปด้วยการจัดตั้ง บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)(“บริษัทโฮลดิ้ง”) ให้มีการแบ่งการบริหารและกำหนดนโยบายของกลุ่มธุรกิจเดิมและกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่และรองรับแผนการเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน  
 
คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีของโลกในปัจจุบัน ทำให้เรามองเห็นธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้ นอกจากงานก่อสร้าง และนั่นถือเป็นโอกาส ในการพัฒนาธุรกิจ บริษัทจึงได้มีการวางกลยุทธ์ในการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง (New S-Curve) และธุรกิจก่อสร้างเดิมที่มี Backlog แข็งแกร่งกว่าแสนล้านบาท รวมถึงผลักดันให้รายได้ประจำ (Recurring income) มีสัดส่วนที่มากขึ้น เรายังคงให้ความสำคัญในธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเรา
 
โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจ ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจหลัก และกลุ่มธุรกิจอื่น โดยในส่วนของกลุ่มธุรกิจหลัก จะแยกออกเป็น 1.กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ดำเนินการภายใต้บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 2.กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน โดยมีแผนจะลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง โดยมีแผนจะลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง รวมถึงโครงการสัมปทานอื่นๆ ของภาครัฐ

ในส่วนกลุ่มธุรกิจอื่น มีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีความสามารถในการเติบโตสูง โดยจะพัฒนาและศึกษาความเป็นไปได้ และผลตอบแทนของธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นต้น

โดยการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการนี้ จะสามารถเพิ่มความสามารถในการเติบโตของบริษัทและสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งในระยะยาว ปัจจุบันได้เริ่มเดินหน้าจัดตั้งบริษัทวิสดอม เซอร์วิสเซส จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ การขายและให้เช่าเครื่องจักรขนาดใหญ่ ด้วยมาตรฐานระดับสากล จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายและบริการ ภายใต้การนำเข้าแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อย่างเช่น Liebherr จากประเทศเยอรมันนี  และ Kato  จากประเทศญี่ปุ่น แล้วยังมีบริษัทเอส เอ็น ที คอนกรีต โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรับผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปที่ใช้ในโครงการสำคัญต่างๆ เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการทางยกระดับ สะพาน รวมถึงงานอุโมงค์ขนาดใหญ่ เป็นต้น

นอกจากนั้นยังได้บริหารจัดการบริษัทสเตคอน เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเดิมที่อยู่ในกลุ่มซิโน-ไทย เข้าดูแลในส่วนงานด้านพลังงาน ปัจจุบันได้จับมือกับพันธมิตรจัดตั้งบริษัท DC Power BN1 จำกัดเพื่อลงทุนในธุรกิจ Data Center บนพื้นที่ติดถนนบางนา-ตราด กม.4 ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับซิโน-ไทย ซึ่งเป็นการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
 
วันนี้ STECON GROUP และกลุ่มบริษัท พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลังที่จะทุ่มเทความรู้ ความสามารถในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต มั่นคง แข็งแกร่ง พร้อมกับการพัฒนาประเทศต่อไป

โดยซิโน-ไทยฯ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ครบรอบ 60 ปีไปเมื่อปี พ.ศ.2565 หลังจากนี้ต่อไปผมจะทำให้ซิโน-ไทยฯ มีความมั่นคงและยั่งยืน การปรับโครงสร้างครั้งนี้ไม่ได้คิดเพียงแค่ 3-4 เดือน เราคิดและศึกษามานาน จากเดิมเรามีแค่งานประมูลโครงการก่อสร้าง ยิ่งปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมากดังนั้นหากจะทำให้ยั่งยืนจะต้องมีรายได้ประจำในอนาคตที่ยั่งยืน ปี 2566 นี้งานขนาดใหญ่ไม่มีออกมาประมูลเลย ปลายปี 2565 ที่ได้แจ้งผ่านสื่อมวลชนไปแล้วว่าปี 2566 ผมจะหานิวออเดอร์สัก 4 หมื่นล้านบาท ผ่านมา 12 เดือนแล้วได้นิวออเดอร์เพียง 5-6 พันล้านบาทเท่านั้นแต่ยังโชคดีที่มีปริมาณงานในมือหรือแบคล็อคที่แข็งแกร่งราว 1.2 แสนล้านบาท ระยะเวลา 11 เดือนผ่านไปสามารถรับรู้รายได้แล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท สิ้นปีนี้จะมีแบคล็อคในมือราว 1 แสนล้านบาทโดยบริษัทคาดการณ์รายได้จากธุรกิจในกลุ่มก่อสร้างช่วง 5-10 ปีข้างหน้านี้ประมาณ 40,000 ล้านบาท สัดส่วน กำไร จะสามารถแบ่งเป็น 50% จากธุรกิจก่อสร้าง และอีก 50% จากธุรกิจอื่น

“เราจะต้องจัดกลุ่มธุรกิจใหม่ขึ้นมา อาทิ ธุรกิจพลังงาน และระบบสาธารณูปโภคยังเติบโตต่อไปได้ เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้า เป็นต้น โดยไม่ต้องทำธุรกิจก่อสร้างเท่านั้น ธุรกิจโลจิสติกส์และทรานสปอตเตชั่นยังมีความต้องการอีกมากเลยคิดว่าจะต้องหากำไรจากธุรกิจอะไรเข้ามาเพิ่มอีกราว 2,000 ล้านบาท ต้องมีรายได้ประจำในอนาคตที่ยั่งยืน แต่ยังคงมีรายได้หลักจากธุรกิจก่อสร้างต่อไป แต่หากจะโตเฉพาะธุรกิจก่อสร้างยังเห็นว่าค่อนข้างยากแม้ว่าจะมีรายได้โตต่อเนื่องก็ตามแต่ยังมีปัจจัยภายนอกเกี่ยวข้องมากมาย อาทิ โควิด-19 เศรษฐกิจโลก ตลอดจนความล่าช้าของการประมูลงาน ส่วนปี 2567 ยังเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆที่รัฐบาลเร่งผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย มอเตอร์เวย์สาย M9 เป็นต้น”

คุณใจแก้ว เตชะพิชญะ กรรมการรองผู้จัดการสายงานการเงินและบริหาร (CFO) กล่าวเสริมว่า ขั้นตอนและระยะเวลาของการปรับโครงสร้างดังกล่าวภายในเดือนธันวาคมนี้จะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง ในนาม บริษัท สเตคอนกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) (STECON GROUP) ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 หมื่นบาท จากนั้นจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อขออนุมัติเรื่องแผนปรับโครงสร้าง การเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท การแก้ไขข้อบังคับรวมถึงการโอนขายบริษัทร่วมและเงินลงทุนต่างๆ การเพิกถอนของตลาดหลักทรัพย์ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2567 หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่กระบวนการเริ่มทำข้อเสนอซื้อสเตคอนกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) เพื่อจัดทำคำซื้อหุ้นทั้งหมดของ STEC จากผู้ถือหุ้นของ STEC ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนในอัตราส่วน 1 : 1 และต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 75% จากนั้นภายในเดือนกรกฎาคม 2567 จึงจะเริ่มเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ต่อไปเพื่อนำหุ้นของ STECON GROUP เข้าไปจดทะเบียนแทนในวันเดียวกัน ดังนั้นภายในเดือนกันยายน 2567 จะเห็นภาพชัดเจนทั้งหมด